14 ต.ค. 2552

ชีวิตที่ไม่มีคำว่า Google

คิดว่าถ้าชีวิตนี้ไม่มีกูเกิ้ลจะอยู่ได้ไหม?.. ไม่เตรียมตัวไว้ก่อน วันดีคืนดีบริษัทนี้เกิดลาโลกไป หรือเกิดคิดค่าบริการขึ้นมาล่ะ ลำบากแน่ ลองดูทางเลือกอื่นที่อาจจะแทนกันได้ หรือทำงานเสริมกัน ช่วยให้เรายังมีแสงนำทางในโลกอันสับสนของอินเทอร์เน็ต

แน่นอนว่ากูเกิ้ลไม่ได้เป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต แต่มันก็ผูกตัวเองติดเข้าไปได้อย่างเหนียวแน่นพอดู ไม่เชื่อหรือครับ ลองคิดว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับ “หมอนขนเป็ด” ดูซิ ทำยังไงก็ได้แต่ห้ามใช้กูเกิ้ลคันมืออยากเข้ากูเกิ้ลใช่ไหมล่ะ.. ไม่แปลกหรอกครับ คนส่วนใหญ่ของโลกก็มีอาการแบบนี้ รวมถึงผมด้วย

กูเกิ้ลมีส่วนแบ่งการตลาดในโลกของเสิร์ชเอนจิ้นค่อนข้างสูง อยู่ในช่วง 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขจริงๆ อาจจะเปลี่ยนไปมา ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปถามข้อมูลจากใคร แต่ก็หนีไม่พ้นช่วงนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้มันประสบความสำเร็จก็มาจากระบบอินเทอร์เฟชที่เข้าใจง่าย แถมการค้นหาก็เร็วทันใจ ได้ผลเข้าเป้า

จริงๆ แล้วในโลกเสิร์ชเอนจิ้นยังมีเจ้าตลาดมือรองอีก 2 หน่วย คือ MSN กับ Yahoo! ถ้ารวมส่วนแบ่งของ 3 เจ้านี้เข้าด้วยกัน ก็จะกินไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ฟังดูโลกนี้มันผูกขาดๆ ยังไงชอบกล ถ้า 3 เจ้านี้รวมหัวกันทำตัวเป็นสื่อขายของหรือคิดว่าบริการ พวกเราคงดิ้นไม่หลุด

ถามจริงๆ คุณไม่อยากลองเสิร์ชเอนจิ้นอื่นบ้างเหรอ แน่ใจหรือว่าสิ่งที่กูเกิ้ลบอกเรามาคือภาพสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของอินเทอร์เน็ต แน่ใจหรือว่ามันคือ ข้อมูลในเน็ตจริงๆ หรือมันไปหยิบเอาเว็บไซต์แค่กระจุกเดียวมาป้อนเราอยู่ทุกวัน แนวคิดเริ่มเหมือน The Matrix… “แน่ใจได้ยังไงว่าเนื้อไก่มีรสชาติอย่างที่เรารับรู้ เพราะ The Matrix เป็นคนป้อนรสชาตินั้นให้เรา”

แล้วก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ ครับกูเกิ้ลมีโมเดลการสะท้อนภาพอินเทอร์เน็ตในลักษณะเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง คือมีพื้นฐานอยู่บนสถิติความนิยม ดังนั้นเมื่อเราค้นหาโดยกูเกิ้ลสิ่งที่เราจะได้ ก็คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่บนอินเทอร์เน็ตชอบ เป็นกลุ่มเว็บที่มีคนย่ำซ้ำแล้วซ้ำอีกในที่เดิมๆ ของใหม่ๆ แทบไม่มีโอกาสโผล่เข้ามาได้เลย

ได้เวลาเปิดตา ดูทางเลือกอื่นๆ กันเถอะพี่น้อง

1. Technorati

technorati.com

สมัยนี้ข้อมูลอะไรๆ คนเราก็เอาขึ้น Blog ดังนั้นถ้าจะบอกว่าเสิร์ชเอนจิ้นตัวไหนที่ไม่ครอบคลุมการค้นหาเข้าไปใน Blog ด้วยละก็ ต้องบอกว่าพลาดข้อมูลของโลกไปก้อนใหญ่มากๆ เชื่อไหมครับว่ากูเกิ้ลก็ติดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ากูเกิ้ลนั้นให้น้ำหนักไปกับความนิยมเป็นหลัก นั่นหมายความว่า กว่าข้อมูลใน Blog กว่าจะไต่ขึ้นไปติดอันดับในกูเกิ้ลได้ ก็ต้องมีคนเข้ามาดูจนพรุนไปแล้ว นั่นก็แปลว่า ข้อมูลจะต้องเก่าระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ใช่จุดแข็งของ Blog ที่เน้นความสดใหม่ทันต่อเหตุการณ์

ลองดูทางเลือกอื่นที่จะแก้ปัญหานี้ของกูเกิ้ลกันเสิร์ชเอนจิ้นที่จะแนะนำมีชื่อว่า Technorati เป็นบริการที่เอาไว้ค้นหา Blog โดยเฉพาะ มีฟีเจอร์มากมายที่ช่วยเราค้นหา Blog เป็นหลัก เช่น มี Top Search List ซึ่งจะแสดงการค้นหาบล็อกตามความนิยมที่มีคนลิงก์เข้ามาหามากที่สุด (ต่างกับกูเกิ้ลนะครับ เพราะไม่ได้เน้นความนิยมที่ตัวข้อมูล แต่เป็นความนิยมของ Blog) โดยสามารถจัดอันดับความนิยมตามประเภทการลิงค์ได้เช่นเป็น เพลง หนัง หรือเกม ซึ่งนักเขียน Blog มักจะลิงค์หากัน วิธีใช้ก็ง่ายๆ ข้อมูลที่ได้ก็ทันสมัย เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ค้นหาเน้นความใหม่ หรือเน้นตามความนิยม โดยวัดจากจำนวนเว็บเพจที่ลิงค์เข้ามาหา

2. ChaCha

chacha.com

ถ้าป้อนคำสั่งค้นหากันเองในเสิร์ชเอนจิ้นแล้วพบว่ามืดแปดด้านยังคงหาอะไรไม่เจอ ลองอันนี้ดูครับ ChaCha เป็นที่ปรึกษาด้านการค้นหาโดยเฉพาะ โดยเราสามารถคุย (Chat) ได้สดๆ กับนักค้นหามืออาชีพ ซึ่งจะรับคำร้องของเรา แล้วจะปรับแต่งผลลัพธ์ให้ได้กับที่เราต้องการ ต้องลองดูครับ อันนี้เป็นบริการฟรี ไม่มีอะไรทำก็ลองเล่นดูเอาขำ

3. Rollyo

rollyo.com

บริการนี้มาจากคำเต็มๆ ว่า Roll your own Search Engine แปลเป็นไทยได้ว่า สร้างเสิร์ชเอนจิ้นของตัวเอง บริการของมันก็เป็นอย่างที่ชื่อพยายามจะบอกล่ะครับ แบบง่ายๆ เลย เราสามารถใช้มันเป็นเสิร์ชเอนจิ้นธรรมดา คือค้นหา Blog หรือค้นหาเว็บทั่วไปได้ แค่จุดเด่นของมันจริงๆ คือ เราสามารถสร้างเสิร์ชเอนจิ้นของตัวเองหรือ Searchroll เพื่อเน้นการค้นหาไปเฉพาะบางไซท์เป็นพิเศษได้ เช่น เราอาจจะสร้าง Searchroll เพื่อค้นหาเฉพาะ Blog ด้านเพลงที่เราชอบ เราสามารถเข้าไปดู Searchroll ของคนอื่น ประมาณว่าเพื่อก็อปปี้ไอเดียมาใช้บ้าง ซึ่งรวมไปถึง Searchroll ของคนดังๆ จะได้เข้าถึงรสนิยมของไอดอลของลึกซื้ง สำหรับตัวผมเองนั้นไม่ค่อยมีความต้องการจะสร้าง Searchroll เพื่อจำกัดวงในการค้นหาเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณมีปัญหาด้านนี้อยู่ ลองใช้ Rollyo ดูครับ ไม่ผิดหวัง

4. Kosmix

http://www.kosmix.com/

เอนจิ้นตัวนี้จะเน้นการค้นหาแบบแยกประเภทหัวข้อโดยเฉพาะเช่น เรื่องสุขภาพ รถยนต์ ท่องเที่ยว การเงิน การเมือง และเกมเป็นเรื่องๆ ไป สำหรับผลการค้นหา ถ้าจะเอาเรื่องเวลาเป็นที่ตั้งเสิร์ชเอนจิ้นตัวนี้ทำได้ไม่ค่อยดี คือได้ข้อมูลที่ไม่ใหม่นัก แนะนำว่าในการค้นหาควรจะใช้คำเฉพาะ แทนที่จะใช้คำกว้างๆ อย่าง “Global Warming” จริงๆ แล้วมีบริการค้นหาแบบที่ต้องจ่ายเงินด้วย ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่เข้าใจว่าพวกเราคงไม่สนใจบริการลักษณะนี้ ดังนั้นในการใช้งานจึงควรใช้ค้นหาข้อมูลที่ไม่มีเรื่องเวลามาเกี่ยวข้อง และก็เน้นคำเฉพาะๆ ไปเลย จากตัวอย่างการใช้งาน เช่น ค้นหาด้านสุขภาพ ก็พบว่าได้ข้อมูลดีๆ ด้านการรักษา การป้องกันมาเพียบ (มีข้อมูลเบื้องลึกมาเล่านิดหน่อยครับ ปัจจุบันบริษัท Ziff Davis ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพีซีแม็กอินเตอร์ กำลังตกลงกับ Kosmix เพื่อเอาเอนจิ้นค้นหามาใช้ในข้อมูลแผนกเกมของบริษัทอยู่)

5. Ask.com

www.ask.com

Search Engine ตัวนี้เป็นเครื่องมือค้นหาอีกตัวที่ค่อนข้างมีฟีเจอร์หรูหรา แนวคิดของมันคือ เน้นที่ด้านการจัดอันดับ คือแทนที่จะจัดอันดับตามความนิยมอย่างเดียว แบบที่กูเกิ้ลทำ มันจะจัดอันดับตามความนิยมเหมือนกัน แต่เป็นความนิยมในหมู่หัวข้อเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้ไปปนรวมๆ เหมือนกูเกิ้ลจากการทดสอบก็พบว่า ผลการค้นหานั้นมีการจัดเรียงผลต่างจากของกูเกิ้ลออกไป นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ Page Preview ซึ่งค่อนข้างดี เพราะให้เราเห็นของก่อนจะกดเข้าไปดูจริง

สร้างอีเมล์เซิร์ฟเวอร์เองในองค์กร ยากไหม

 

ทความที่เราเคยเขียนเกี่ยวกับการเอาต์ซอร์สอีเมล์หรือการจ้างผู้อื่นดูแลจัดการอีเมล์ให้แทนที่จะดูแลเอง ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงการผลักภาระในการจัดการอีเมล์ที่น่าปวดหัวไปให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทน อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลหลายประการที่คุณควรจะรับภาระจัดการอีเมล์เอง (ยอมปวดหัว) เหตุผลหนึ่งก็คือเหตุผลทางด้านเทคนิค แต่ประเด็นที่สำคัญที่คุณต้องคิดให้ดีก็คือความสบายใจของคุณเองที่จะให้คนอื่นดูแลจัดการแทนคุณ ถ้าหากคุณใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหลักในการทำธุรกิจ คงไม่ค่อยดีนักถ้าจะให้คนอื่นดูแลอีเมล์ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณเองก็มีทรัพยากรพร้อมที่จะจัดการเองได้

Infinite InterChange มีอินเทอร์เฟซสำหรับบริหารระบบแบบง่ายๆ และมีการมอนิเตอร์การล็อกเข้าสู่ระบบและปริมาณข้อความแบบเรียลไทม์ เนื่องจากไม่มีเว็บอินเทอร์เฟซสำหรับผู้ดูแลระบบ ผู้ดูแลระบบจึงต้องทำงานต่างๆ บนเซิร์ฟเวอร์โดยตรงเท่านั้น

Infinite InterChange มีความสามารถเฉพาะตัวตรงที่สามารถทำงานเป็นเมล์เซิร์ฟเวอร์เดี่ยวๆ หรือเป็นเกตเวย์สำหรับเมล์เซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ก็ได้ แต่ละยูสเซอร์แอดเดรสสามารถจะระบุอีเมล์แอดเดรสภายนอกได้ เมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อเข้ากับ Infinite InterChange เซิร์ฟเวอร์ เซิร์ฟเวอร์ก็จะเชื่อมต่อเข้ากับเมล์เซิร์ฟเวอร์ภายนอกของผู้ใช้พร้อมกับดึงข้อความใหม่เข้ามาไว้ในเมล์บ็อกซ์ของ Infinite InterChange อัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบอีเมล์หลายๆ แอ็กเคานต์ได้ในทีเดียว นอกจากนี้ Infinite InterChange ยังมีเว็บอินเทอร์เฟซสำหรับ POP และ IMAP ด้วย

ผู้ดูแลระบบ (เท่านั้น) สามารถสร้างกฎในการจัดการข้อความเพื่อใช้จัดการกับข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในระบบอัตโนมัติและยังสามารถใช้เพื่อต่อต้านสแปมได้โดยคุณสามารถตั้งกฎให้ระบบเฝ้าดูข้อความที่ส่งหรือรับมาจากยูสเซอร์ใดๆ หรือให้ตรวจจับประโยคใดๆ เป็นพิเศษได้ และถ้าคุณต้องการระบบรักษาความปลอดภัยแบบ SSL คุณต้องจ่าย 1000 ดอลลาร์ ต่อ 50 ยูสเซอร์ Infinite InterChange มี NNTP เซิร์ฟเวอร์ซึ่งสามารถดึงข้อมูลจาก NNTP เซิร์ฟเวอร์อื่นได้โดยอัตโนมัติเช่นเดียวกัน ทำให้คุณสามารถมีห้องสนทนาของคุณเองและสามารถต่อไปยัง Usenet หรือห้องสนทนาสาธารณะอื่นๆ ที่คุณต้องการได้ด้วย

E-Mail on the Cheap

ถ้าหากคุณต้องการประหยัด คุณอาจจะลงทุนเพียงแค่ฮาร์ดแวร์และมองหาฟรีแวร์ที่มีความสามารถมาใช้งาน ซึ่งคุณก็ต้องไม่ลืมว่าถ้าคุณจะต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษซึ่งถ้าหากคุณไม่มีความรู้พอ เวลาที่คุณจะใช้ในการศึกษาเพิ่มเติมอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่คุณประหยัดได้ นอกจากนี้สำหรับฟรีแวร์อีเมล์นั้นแต่ละบริการจะแยกจากกันและเป็นคนละผลิตภัณฑ์ ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ก็จะมีวิธีการติดตั้งของตัวเองที่แตกต่างกันไป ไม่เหมือนในกรณีของอีเมล์เซิร์ฟเวอร์ซึ่งจะรวมบริการ MTA, IMAP และ POP เข้าไว้ด้วยกัน การติดตั้งก็ทำไปด้วยกันและมีเว็บอินเทอร์เฟซให้

เราใช้ Red Hat Linux 6.0 แทนใช้วินโดวส์เอ็นทีเซิร์ฟเวอร์ และพยายามมองหาฟรีแวร์ที่สามารถจัดการ IMAP อีเมล์ขนาด 250 ยูสเซอร์ได้ บนเซิร์ฟเวอร์เครื่องหนึ่งเราใช้ qmail ซึ่งติดตั้งง่ายและมีระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่า Sendmail ที่เป็นที่รู้จักกันมากกว่า สำหรับบริการ MTA ซึ่งเป็นตัวที่ทำงานฟังก์ชันหลักในการจัดเก็บข้อความและการรับส่งเมล์และเพิ่มความสามารถ IMAP โดยใช้โปรแกรมของมหาวิทยาลัยวอชิงตันซี่งแจกฟรี (University of Washington)

บนเซิร์ฟเวอร์อีกเครื่องหนึ่งเราได้ติดตั้ง IntraStore Server 2000 เวอร์ชันสำหรับลีนุกซ์ซึ่งเป็นเวอร์ชันฟรีจาก Control Data System ซึ่งมีบริการ MTA และ IMAP และมีเว็บอินเทอร์เฟซสำหรับคอนฟิกูเรชัน เนื่องจาก qmail มีคำอธิบายการติดตั้งและใช้งานอย่างละเอียดและมีข้อมูลบนเว็บมากมาย ขั้นตอนในการติดตั้ง qmail จึงไม่ใช่ปัญหา วิธีการหลักๆ ก็จะประกอบด้วย การระเบิดไฟล์ที่ดาวน์โหลดออกมา สร้างยูสเซอร์และกรุ๊ป คอมไพล์ไฟล์ต่างๆ ที่คุณระเบิดออกมาและจากนั้นก็เริ่มใช้งานได้ qmail มีออปชันสำหรับปรับแต่งมากมาย แต่ในการติดตั้งแบบพื้นฐานคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก การติดตั้ง IMAP เซิร์ฟเวอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันก็มีขั้นตอนคล้ายคลึงกันคือดาวน์โหลด คอนฟิก คอมไพล์และเริ่มใช้งาน แต่คุณจะต้องปรับแต่งเพื่อให้สามารถทำงานกับ qmail ได้

สำหรับ IntraStore การติดตั้งทำได้ง่ายเพียงแค่รันโปรแกรมติดตั้งและคอมไพล์ก็ใช้งานได้ IntraStore ยังมี X.500 ไดเรกทอรีอินทิเกรชันและเว็บอินเทอร์เฟซสำหรับผู้ดูแลระบบและสำหรับเข้าถึงอีเมล์ที่ทำงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

MailSite 3.0

MailSite 3.0 ของ Rockliffe System ติดตั้งได้ง่ายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเองและสามารถอิมพอร์ตยูสเซอร์จากวินโดวส์เอ็นทีได้ นอกจากนี้ MailSite ยังสามารถอินทิเกรตเข้ากับฐานข้อมูลแบบ ODBC และใช้เก็บข้อมูลของสมาชิกรายการเมล์และข้อมูลการล็อกเข้าสู่ระบบได้ MailSite มีบริการหลายอย่างเช่น SMTP, POP3, IMAP, HTTP และ Eudora Change Password คุณสามารถควบคุมการทำงานของ MailSite ได้โดยใช้โปรแกรมควบคุมการทำงานที่รันบนวินโดวส์หรือโดยผ่าน HTML เว็บอินเทอร์เฟซหรือจาวาอินเทอร์เฟซก็ได้ เว็บอินเทอร์เฟซสามารถปรับแต่งได้โดยการแก้ไขเทมเพลตไฟล์ คุณสามารถกำหนดระดับสิทธิพิเศษให้ยูสเซอร์ได้สามระดับคือ ไม่มีโดเมนหรือเซิร์ฟเวอร์ (มีความสามารถสูงสุด) ยูสเซอร์ที่ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ สามารถจะเชื่อมต่อกับเซิ ร์ฟเวอร์ผ่านบราวเซอร์ ควบคุมและปรับแต่งเมล์บ็อกซ์ของตัวเองได้ ผู้ดูแลระบบระดับโดเมนสามารถแก้ไขยูสเซอร์แอ็กเคานต์ในโดเมนของตนเอง และผู้ดูแลระบบระดับเซิร์ฟเวอร์สามารถแก้ไขยูสเซอร์แอ็กเคานต์ของทุกโดเมน อย่างไรก็ตามในเวอร์ชันนี้ยูสเซอร์จะไม่สามารถเข้าถึงอีเมล์ผ่านทางเว็บบราวเซอร์ได้ (ฟีเจอร์นี้น่าจะสมบูรณ์แล้วขณะที่คุณกำลังอ่านบทความนี้) สำหรับความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยและต่อต้านสแปม คุณสามารถปฏิเสธเมล์ที่ส่งเข้ามาตามโดเมนเนม, หมายเลขไอพี และอีเมล์แอดเดรส SMTP รีเลย์ และระบบตรวจสอบความถูกต้องของผู้ใช้ของ SMTP ก็สามารถช่วยลดสแปมได้

MailSite รวมเข้ากับ Performance Monitor ของวินโดวส์เอ็นทีได้อย่างดีและได้เพิ่มตัวนับสำหรับติดตามการทำงานด้านต่างๆ ของระบบเข้าไปใน Performance Monitor 7 ตัว เหตุการณ์ที่สำคัญของระบบจะดูได้ใน Event Viewer ของวินโดวส์เอ็นทีและสามารถบันทึกลงไปในฐานข้อมูลแบบ ODBC นอกจากนี้ MailSite สามารถติดตามเหตุการณ์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ทาง Performance Moniter ได้ MailSite มีคอมมานไลน์ยูทิลิตี้สำหรับใช้บันทึกและเรียกคืนคอนฟิกูเรชันของ MailSite ที่เก็บไว้มาลงใหม่ สำหรับจัดการชื่ออีเมล์แฝงและรายการเมล์ และสร้างยูสเซอร์แอ็กเคานต์กลุ่มใหญ่ๆ อย่างรวดเร็ว เซิร์ฟเวอร์สามารถควบคุมได้จากพีซีเครื่องใดๆ ก็ได้ที่รันวินโดวส์ 95 หรือ 98 MailSite มีจุดเด่นในด้านการรักษาความปลอดภัยและเครื่องมือสำหรับบริหารจัดการระบบ มีความสามารถทางด้านการจัดการข้อความและรายการเมล์พอใช้ได้ เมื่อบวกกับราคาที่ไม่แพงเราคิดว่า MailSite เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากทีเดียว

ฟอร์แมตเพราะพลาดไป ลบแล้วไม่ต้องเสียใจ กู้ไฟล์กลับได้ทันที

เคยไหมครับที่เผลอลบไฟล์บางอย่างไปโดนที่ไม่ได้ตั้งใจ(เผลอไป) สิ่งที่หลายๆ คนใช้แก้ปัญหานี้ก็คือมัวแต่บ่นหัวเสีย แล้วก็เริ่มทำงานที่ลบไปใหม่ ไม่ใช่ทางที่แก้ที่ดีใช่ไหมครับ

เคยไหมครับที่เผลอลบไฟล์บางอย่างไปโดนที่ไม่ได้ตั้งใจ(เผลอไป) สิ่งที่หลายๆ คนใช้แก้ปัญหานี้ก็คือมัวแต่บ่นหัวเสีย แล้วก็เริ่มทำงานที่ลบไปใหม่ ไม่ใช่ทางที่แก้ที่ดีใช่ไหมครับ
บทความตอนนี้ผมคงไม่ได้แนะนำให้ไปหาไฟล์ที่เผลอลบไปใน Recycle Bin หรอกครับ (ง่ายไป) เราจะมาดูถึงวิธีการกู้ไฟล์ที่ลบออกไปจากเครื่องคอมพ์แล้วหรือแม้แต่ผ่านการฟอร์แมต แน่ไหมล่ะครับ? โปรแกรมนี้ มาดูกันเลยดีกว่าครับ

รูปที่ 1

รูปที่ 2

1. เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วนะครับเมื่อเราคลิ้กปุ่ม OK ไปนั้นก็คือการสั่งให้ทำลายไฟล์นั้นทิ้งออกไปจากเครื่องไม่มีทางสามารถนำกลับมาได้ (ยกเว้นถ้าเราใช้โปรแกรมนี้ ) แนะนำตัวก่อนนะครับโปรแกรมนี้ชื่อว่า Pc Inspector File Recovery มีความสามารถในการกู้ข้อมูลทุกประเภทที่มีการลบไปแล้ว
2. หลังจากที่เราดาว์นโหลดและติดตั้งโปรแกรมเรียบร้อยแล้วให้เราดับเบิ้ลคลิ้กที่ไอคอน PC Inspector File Recovery โปรแกรมจะทำงานขึ้นและให้เราเลือกภาษาที่ใช้นั่นก็คือ English (ถ้าใครถนัดภาษาอื่นก็ตามสบายนะครับ)

รูปที่ 3

รูปที่ 4

3. จะมีหน้าตางแนะนำวิธีการใช้งานอย่างง่าย ๆ ให้เราคลิ้กปุ่ม Close
4. เริ่มการใช้งานโดยคลิ้กที่ Object > Drive หรือจะกด Hot Key ก็ตามนี้ครับ Ctrl + O

รูปที่ 5

รูปที่ 6

5. โปรแกรมจะมีการสแกนไฟล์สักครู่หลังจากนั้นให้เราคลิ้กที่ฮาร์ดดิสก์ที่เราเผลอลบข้อมูลไป และกดปุ่ม OK ครับ 6. ให้เราคลิ้กที่ Deleted จะเกิดรายชื่อไฟล์ต่างๆ ที่เราเคยลบไป วิธีการกู้คืนก็แค่คลิ้กขวาที่ไฟล์นั้นเลือกเมนูย่อยที่หัวข้อ Save to..... เพื่อระบุไดเรกทอรีที่เก็บไฟล์ เมื่อกู้ได้

รูปที่ 7

รูปที่ 8

7. จะมีหน้าต่างให้เราระบุไดเรกทอรี (ในตัวอย่างไว้ที่ My Documents)
8. เสร็จแล้วครับเมื่อเราไปดูใน My Documents ก็จะมีไฟล์งานที่เราลบไปกลับคืนมาครับ

ข้อมูลของโปรแกรม
ชื่อโปรแกรม : PC Inspector File Recovery
ดาวน์โหลด : www.convar.de
ประเภทโปรแกรม : ฟรีแวร์
ขนาดของโปรแกรม : 172 KB
เป็นไงครับการกู้ไฟล์แบบนี้แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างนะครับคือ ลองสังเกตดูที่โฟลเดอร์ที่แสดงในโปรแกรมจะมีอยู่ 2 สี ได้แก่เขียวกับเหลืองปกติ สิ่งนี้มีไว้แสดงว่าความเป็นไปได้ที่จะกู้ไฟล์กลับคืนมาครับ สีเขียวนั้นก็ 100% กู้ได้แน่นอนส่วนสีเหลืองก็น้อยลงมาตามเวลาที่เราลบไปนานแค่ไหนอาจมีบางส่วนของไฟล์ที่เสียหายไปเมื่อกู้คืนมาแล้ว
สิ่งนี้แหละครับคือข้อจำกัด ขอให้กู้ทันทีที่ลบหรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ได้ไฟล์คืนมาที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ไม่ว่ายังไง ก็ดีกว่าทำใหม่ทั้งหมดจริงไหมครับ? อ้อ!! ปีใหม่ก็ผ่านไปแล้วนะครับ ขอให้กลับมาทำงานกันอย่างมีความสุขตลอดปีนี้นะครับ สวัสดีปี 2546 (ใครเล่น IRC ก็มาคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับคอมกับผมได้ที่ห้อง #เด็กเทคนิคนะครับ) ~_~ kot^^^

ป้องกัน"โน้ตบุ๊ก"ถูกขโมย!!!

สอบถามกันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเจ้าของโน้ตบุ๊ก-เน็ตบุ๊กที่ต้องการฟรีแวร์เล็กๆ ไว้ป้องกัน หรือติดตามหาโน้ตบุ๊ก หากมันมีอันต้องอันตรธานหายไป(โดยหัวขโมย) โดยเฉพาะใครที่ใช้งานนอกสถานที่อยู่เป็นประจำ ล่าสุดนายเกาเหลาไปพบฟรีแวร์ที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง ก็เลยนำมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านอีกแล้วครับ สำหรับตัวนี้มีชื่อว่า LAlarm ลองมาทำความรู้จักความสามารถคร่าวๆ ของมันกันดีกว่า เผื่อว่าจะเหมาะคุณก็ได้

ความน่าสนใจของ LAlarm ก็คือ มันเป็นโปรแกรมเล็กๆ ที่ช่วยป้องกัน หรือติดตามการถูกขโมยโน้ตบุ๊กของคุณได้ โดยสามารถส่งเสียง อีเมล์ หรือ SMS (น่าเสียดายที่โอเปอเรเตอร์บ้านเรายังไม่สนับสนุนบริการนี้?) เพื่อแจ้งให้คุณทราบ หากโน้ตบุ๊กถูกขโมย หรือเวลาที่ใครมายุ่งย่าม หรือเกาะแกะโน้ตบุ๊กของคุณ โดยเฉพาะในขณะที่เจ้าหัวขโมยถอดหน่วยความจำ USB หรือสายพาเวอร์ออก (กรณีที่ใช้ในสถานที่) นอกจากนี้โปรแกรมจะตรวจสอบ IP ของผู้ใช้ ซึ่งหากพบว่ามีการนำไปต่อเชื่อมกับเครือข่ายอื่นๆ ทั้งไร้สาย และมีสาย ก็จะส่งเสียง (เพื่อบอกให้คนแถวนั้นทราบว่า โน้ตบุ๊กถูกขโมยมา) หรือพยายามแจ้งเตือนให้คุณทราบด้วยวิธีต่างๆ ได้

LAlarm สามารถโปรแกรมให้ตอบสนองการเตือนได้หลายรูปแบบ เช่น เปิดเว็บแคม เพื่อบันทึกภาพเจ้าหัวขโมย ตลอดจนทำลายข้อมูลสำคัญๆ ในฮอาร์ดดิสก์โดยอัตโนมัติ หากถูกขโมยไป ซึ่งเจ้าของเครืองสามารถทราบได้ว่า โน้ตบุ๊กที่ถูกขโมยกำลังเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ใด หรือแม้กระทั่งได้รับอีเมล์พร้อมภาพใบหน้าของหัวขโมย หวังว่า LAlarm น่าจะถูกใจคุณผู้อ่านที่กังวลเรื่องโน้ตบุ๊กถูกขโมยนะครับ

1 ต.ค. 2552

ล้วงความลับการบีบอัดไฟล์

 

เชื่อว่าบรรดาผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลายคนคงรู้จักไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดเอาไว้ (ไฟล์ที่นามสกุล .Zip นั่นแหละครับ) กันแล้ว และคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าสาเหตุที่เราทำการบีบอัดไฟล์นั้น ก็เพื่อลดขนาดของไฟล์ลงเพื่อให้การใช้งานเนื้อที่เก็บข้อมูลของสื่อบันทึกข้อมูลชนิดต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ หรือซีดีรอมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการที่เราเก็บข้อมูลในรูปของซิปไฟล์ ทำให้เราสามารถบรรจุไฟล์ลงในสื่อบันทึกข้อมูลได้ในปริมาณข้อมูลที่มากขึ้น

ไม่เพียงแต่ซิปไฟล์ (Zip) จะมีประโยชน์ต่อการเก็บลงบนสื่อบันทึกข้อมูลเท่านั้น ทั้งในแง่ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในด้านของความเร็วการส่งถ่ายข้อมูลจากการดาวน์โหลด หรืออัพโหลดไฟล์ที่อยู่ในรูปไฟล์นั้นจะดีกว่าไฟล์ที่ไม่มีการซิป (จะเห็นได้ชัดในกรณีที่เราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการเชื่อมต่อช้า)

เมื่อเราทำการบีบอัดไฟล์แล้ว เราจะคลาย หรือ Unzip ไฟล์ที่ทำการบีบอัดเอาไว้ได้อย่างไร ? ซึ่งก็ใช้โปรแกรมที่ชื่อ WinZip นั่นแหละ บางคนอาจจะเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมว่า แล้วบทความเรื่องนี้กำลังจะพูดถึงอะไร ผมไม่ได้มาเล่าเรื่องการใช้งานโปรแกรม WinZip หรอกครับ เพราะต่างก็คงรู้วิธีใช้อยู่แล้ว แต่ผมจะพูดถึงกลไกการทำงานของโปรแกรมบีบอัดไฟล์ ที่ทำให้ไฟล์ต่างๆ สามารถถูกบีบอัดเอาไว้ให้มีขนาดไฟล์เล็กที่สุดนั้นมันทำได้อย่างไร

จากนี้ไปเราจะมาทำความเข้าใจกับกระบวนการบีบอัดไฟล์ที่เกิดขึ้นกันว่ามีกลไกและหลักการอย่างไร?

ค้นหาสิ่งหรือข้อมูลที่ซ้ำๆ กันในไฟล์
การบีบอัดไฟล์ เปรียบเหมือนการลดจำนวนบิต (bit) และไบต์ (byte) ของข้อมูลลง และการคลายไฟล์หรือ Unzipไฟล์ ก็คือการสร้างข้อมูลขึ้นมาใหม่จากบิต หรือไบต์ ข้อมูลที่ถูกลดจำนวนลงไปในตอนแรก โดยจะต้องสร้างให้ไฟล์ข้อมูลนั้นๆ เหมือนต้นฉบับเดิม

ขั้นตอนที่โปรแกรมบีบอัดไฟล์ใช้ในการลดขนาดของไฟล์ลง ก็คือการค้นหา "ข้อมูล" ที่ปรากฏซ้ำๆ ภายในไฟล์ต้นฉบับ เพราะไฟล์ส่วนมากที่ใช้กับคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยข้อมูลซ้ำๆ กันเป็นจำนวนมาก หลังจากค้นเจอข้อมูลที่ซ้ำแล้ว เจ้าโปรแกรมที่ใช้ในการบีบอัดไฟล์จะทำการกำจัดข้อมูลที่ซ้ำๆ นั้นออกไป เพื่อความเข้าใจมากขึ้น ผมจะยกตัวอย่างข้อมูลที่เป็นประโยคสุดฮิตซึ่งบางคนอาจจะเคยได้ยินมาแล้ว คือ "Ask not what your country can do for you -- ask what you can do for your country." (อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง)

ถ้าใครเคยได้ยินมาก่อน ก็จะทราบดีว่าเป็นสุนทรพจน์ของจอห์น เอฟ เคเนดี้ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผู้ล่วงลับไปแล้ว ต่อไปนี้ผมจะเรียกชื่อแบบย่อๆ คือ เจเอฟเค จากคำกล่าวนี้จะพบว่า มีคำในประโยคทั้งหมด 17 คำ ซึ่งเกิดจากตัวอักษรทั้งหมด 61 ตัว, มีช่องว่างหรือ space 16ช่อง, มีเส้นประหนึ่งเส้นประ และมีจุด full stop 1 จุด

สมมติว่า แต่ละส่วนประกอบย่อยๆ ที่กล่าวมาจะใช้เนื้อที่ในหน่วยความจำ 1 หน่วยความจำสำหรับแต่ละส่วนประกอบย่อย ดังนั้นเราจึงได้ขนาดของไฟล์ทั้งหมด (Total file size) เป็น 79 หน่วยความจำ

เป็นที่ทราบดีว่า ขั้นตอนที่โปรแกรมบีบอัดไฟล์ใช้ในการลดขนาดของไฟล์ลง ก็คือการค้นหา "ข้อมูล" ที่ปรากฏซ้ำๆ ภายในไฟล์ต้นฉบับ คำถามคือประโยคสุดฮิตของเจเอฟเค มีข้อมูลหรือคำอะไรบ้างที่ปรากฏซ้ำๆ กันบ้าง ? ก็คำพวกนี้ไงครับที่ทำให้ขนาดของไฟล์ใหญ่โตโดยไม่จำเป็น

ask มี 2 คำในประโยค
what มี 2 คำในประโยค
your มี 2 คำในประโยค
country มี 2 คำในประโยค
can มี 2 คำในประโยค
do มี 2 คำในประโยค
for มี 2 คำในประโยค
you มี 2 คำในประโยค

ถ้าเราไม่สนใจตัวอักษรตัวเล็ก หรือตัวใหญ่ที่ปรากฏในข้อความ พิจารณาอย่างคร่าวๆ จะพบว่าจะมีคำซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในประโยครวมแล้วมากกว่าครึ่งของจำนวนคำ (ข้อมูล) ทั้งหมดในประโยค จากคำทั้ง 9 คำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กันนั่นคือคำว่า -- ask, not, what, your, country, can, do, for, you คำพวกนี้ได้บอกให้รู้ถึงใจความข้อมูลส่วนมากที่เราต้องการแล้ว การที่จะสร้างข้อมูลข้อความอีกครึ่งหนึ่งของประโยคนั้น เราจะพิจารณาไปที่คำชุดแรกที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของประโยคทั้งหมด โดยจะทำการใส่ช่องว่างระหว่างคำ และการเว้นวรรคตอนของประโยคเข้าไปในการบีบอัดข้อมูลนี้ จากนี้ไปเราจะมาดูกันว่า ระบบการบีบอัดไฟล์จะทำสิ่งที่กล่าวมานี้ได้อย่างไร

กลไกค้นคำจากฐานข้อมูลดิกชันนารีของโปรแกรม

พื้นฐานในการบีบอัดไฟล์ของโปรแกรมบีบอัดไฟล์ จะใช้หลักการอัลกอริธึ่มพื้นฐาน ที่เรียกว่า LZ adaptive dictionary-based algorithm โดยที่ LZ ก็คือชื่อของนาย Lempe lและนาย Ziv ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้นอัลกอลิธึมพื้นฐานที่ใช้ในการบีบอัดข้อมูลที่กล่าวถึงนี้ ส่วนคำว่า dictionary นั้นจะอ้างถึงวิธีในการทำบัญชีรายชื่อของข้อมูลแต่ละชิ้น สำหรับระบบในการจัดเตรียมดิกชันนารีนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละโปรแกรมบีบอัดไฟล์ แต่ดิกชันนารีของแต่ละโปรแกรมนั้นยังมีจำนวนลิสต์ข้อมูลคำแบบพื้นฐานในดิกชันนารีที่เหมือนๆ กัน

ขอกลับมาที่วลีสุดฮิตของเจเอฟเคอีกทีครับ เมื่อเราจะทำการบีบอัดข้อมูลอันนี้ เริ่มต้นจากการดึงเอาคำที่ซ้ำกันออกมาแล้วใส่เลขดัชนี (index) ให้กับคำนั้น หลังจากที่กำหนดเลขดัชนีให้กับคำที่เราพบว่าเป็นคำซ้ำของคำทั้งหมดในประโยคข้อมูลแล้วคำถามคือ แล้วเราจะทำอะไรต่อไป ? ดูตัวอย่างข้างล่างนี้นะครับ

นี่คือคำซ้ำทั้งหมดหลังจากที่กำหนดเลขดัชนีให้กับมันแล้ว (เลขดัชนีคือเลข 1, 2, 3...ไปเรื่อยๆ จนถึง 8)

1. ask
2. what
3. your
4. country
5. can
6. do
7. for
8. you

USB 3.0 จะมาในไม่ช้า

 

เจ้าโลกอย่างอินเทลกำลังซุ่มปั้นมาตรฐาน USB 3.0 เพื่อรองรับโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บอกใบ้ได้เลยว่า เร็วกว่าเดิม 10 เท่า แถมกินไฟน้อยกว่าอีกต่างหาก

คงไม่มีมนุษย์คอมพิวเตอร์คนไหนไม่รู้จักอักษร 3 ตัวนี้ U S B มันคือผู้ยิ่งใหญ่ คือมาตรฐานในแง่ของการเชื่อมต่ออุปกรณ์รอบข้างทั้งหลาย แต่แล้วไม่นานก็กลับมีมาตรฐานใหม่ที่ชื่อ FireWire 800 โผล่ขึ้นมา ซึ่งแม้จะยังมีอุปกรณ์จำนวนเพียงหยิบมือเดียวที่รองรับ แต่มันก็ทำให้ USB ไม่สามารถคุยโวในแง่ความเร็วได้อีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่สามารถพ่วงคำว่า “ที่สุด” เข้าไปด้วยได้แล้ว

และนี่เองที่เป็นที่มาของยุคที่ 3 ของ USB สงครามเกทับที่คงไม่มีวันจบสิ้น อินเทลเริ่มตีปี๊บมาตรฐานใหม่ ด้วยการจัดตั้ง SuperSpeed USB Promotions Group เพื่อเป็นเครื่องรับประกันว่ามาตรฐานใหม่นี้จะเป็นที่แพร่หลายในหมู่อุปกรณ์ต่อพ่วงไปอีกอย่างน้อย 5 ปี

หัวใจสำคัญในการออกมาตรฐานใหม่ ก็คือเรื่อง Backward Compatible ซึ่งแน่นอนว่าเจ้า 3.0 ก็ย่อมต้องไม่พลาดแน่ๆ มันรองรับการทำงานกับ USB 2.0 หรือแม้แต่ 1.1 พูดในแง่ความเร็ว SuperSpeed USB จะรองรับอัตราการรับส่งข้อมูลที่ระดับสิบเท่าของ 2.0 เดิม คือเพิ่มจาก 480 Mbps กลายเป็น 4.8 Gbps ในขณะเดียวกันกลับบริโภคพลังงานน้อยลง นั่นก็หมายความว่า การก๊อบปี้หนังขนาด 27 GB เข้าไปในอุปกรณ์พกพา จะใช้เวลาเพียง 70 วินาทีเท่านั้น จากเดิมที่ต้องใช้ถึง 15 นาที

ในแง่ของพลังงานแล้วก็จะประหยัดขึ้น เพราะมีการออกแบบกลไกในการสื่อสารใหม่ คอมพิวเตอร์หรือโฮสต์จะถามอุปกรณ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ว่ามีข้อมูลจะส่งเพิ่มหรือเปล่า จากนั้นก็จะไม่ถามอีกแล้ว เทียบกับแบบเดิมที่คอมพิวเตอร์จะถามอย่างไม่หยุดยั้งเป็นช่วงๆ และเมื่ออุปกรณ์มีข้อมูลใหม่จะส่ง ตัวอุปกรณ์เองนั่นแหละจะเป็นผู้แจ้งให้คอมพิวเตอร์ทราบ ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ก็น่าจะลดการกินไฟไปได้เยอะมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่ไม่มีการส่งข้อมูลกัน (idle) นอกจากนั้นระบบจัดการพลังงานของ USB 3.0 ยังสามารถจัดการกับการบริโภคพลังงานได้ในลักษณะแยกแต่ละลิงก์จากกัน ดังนั้นก็ยิ่งประหยัดไปได้อีกระดับ

อีกประเด็นที่ USB ตัวใหม่อยากจะแก้สิ่งผิดพลาดในอดีตก็คือเรื่อง Virtualization ทาง Promotion Group ต้องการออกแบบให้แน่ใจว่า ซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชันในระบบ Virtual Machine สามารถเข้ามาใช้งานอุปกรณ์ USB 3.0 ได้โดยไม่ต้องมีซอฟต์แวร์ตัวกลางมาช่วย

ประเด็นสุดท้ายที่น่าสนใจคือเรื่องไดรเวอร์ของอุปกรณ์เก็บข้อมูล ปัจจุบันไดรเวอร์อุปกรณ์เก็บข้อมูลของ USB 2.0 นั้นรองรับความเร็วในการสื่อสารสูงสุดแค่ที่ 32 Mbps ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการออกแบบโมเดลของไดรเวอร์ใหม่ ซึ่งแม้ว่าจริงๆ แล้ว เรื่องไดรเวอร์ของฮาร์ดดิสก์จะเป็นประเด็นที่อยู่นอกขอบข่ายการออกมาตรฐาน USB แต่ทางกลุ่มทำงานก็อยากจะประสานงานไปทางกลุ่มผู้สร้างไดรเวอร์ฮาร์ดดิสก์ด้วย เพื่อให้มาตรฐาน USB ถูกใช้ประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ

เปิดได้หมด!!! หนัง เพลง ดูได้แม้ไม่รู้จักไฟล์

 

ปัญหาน่าปวดหัวของหลายคนที่มักเจอ หลังจากที่ได้รับไฟล์มีเดียจากเพื่อน หรือไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาเองจากอินเทอร์เน็ตคือ ไม่สามารถเปิดไฟล์ดังกล่าวเพื่อใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นค่อนข้างเยอะในยุคที่มีหลากหลายมาตรฐานของนามสกุลไฟล์เช่นปัจจุบัน

จริงๆ แล้วปัญหาประเด็นนี้เราสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแค่เราทราบว่าไฟล์นามสกุลดังกล่าวต้องเป็นไฟล์ประเภทไหน และใช้โปรแกรมอะไรเปิด หรือหากจะใช้ Windows Media Player จะต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเสริมเข้าไปบ้าง

เรื่องนี้ฟังดูง่ายสำหรับบางคน แต่ก็เป็นเรื่องยาก (มาก) สำหรับอีกหลายคนเช่นกัน คอมพิวเตอร์.ทูเดย์ฉบับนี้จึงขอนำคุณสู่หนทางพ้นทุกข์ด้วยสารพัดโปรแกรมที่จะช่วยให้คุณเปิด (ไฟล์) ได้หมด แม้ตัวคุณจะไม่รู้จักไฟล์ดังกล่าวเลย

ประเภทไฟล์เรื่องที่คุณสงสัย

ไฟล์ AVI

สำหรับไฟล์ AVI ถ้าพูดไปแล้วหลายคนต้องรู้จักแน่ๆ เพราะเป็นไฟล์วิดีโอที่ดูผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งถูกพัฒนาจากไมโครซอฟท์ โดยภายในไฟล์ .avi มาพร้อมกับภาพ และเสียงพร้อมกัน มีความคมชัดของภาพ และเสียงที่สมจริง ส่วนใหญ่จะนำมาเป็นต้นฉบับของไฟล์วิดีโอบนแผ่นดีวีดี

ซึ่งไฟล์ AVI นี้มหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้ว่า จะเห็นเป็นไฟล์ .avi ก็ตาม แต่จะแตกต่างกันตามรูปแบบของการ encode ของไฟล์นั้น ไม่ว่าจะเป็น DivX codec, XVID codec เป็นต้น หากเป็นไฟล์ avi ธรรมดาทั่วไปเราก็สามารถใช้โปรแกรม Windows Media Player เปิดดูได้ทันที แต่หากเปิดไม่ได้คงต้องหาโปรแกรมอื่น หรือไม่ก็ต้องไปดาวน์โหลดไฟล์ codec จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์มาติดตั้งภายในเครื่องถึงจะเปิดได้

วิธีแก้ไขเบื้องต้น หากต้องการเปิดไฟล์ AVI ด้วยโปรแกรม Windows Media Player ก็คือ ให้ไปดาวน์โหลดตัว Codec จากเว็บไซต์ไมโครซอฟท์ (www.microsoft.com) จากนั้นก็ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ดังกล่าวเพื่อติดตั้ง Codec เพิ่ม แต่ที่สำคัญโปรแกรม Windows Media Player ของคุณต้องเป็นเวอร์ชัน 11

ไฟล์ XVID

เกิดจากกลุ่มนักพัฒนาอิสระ ที่พัฒนารูปแบบการบีบอัดบนพื้นฐานของ mp4 เหมือนกับ DivX แต่ XviD เป็น Open Source คือ ได้เผยแพร่ให้มีการพัฒนาจากนักพัฒนาทั่วโลก เนื่องจากว่ามาตรฐานการบีบอีกของ XviD ใช้เป็นแบบ ASP (MPEG-4 Advanced Simple Profile) ไฟล์ XviD จึงสามารถเล่นบนโปรแกรมหรือเครื่องเล่น DVD ที่สามารถเล่นไฟล์ MP4 หรือ DivX ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น กรุณาตรวจสอบเครื่องเล่นของท่านตามเว็บไซต์ว่าเครื่องเล่นของท่านสนับสนุนไฟล์ XviD ด้วย หากท่านต้องการเล่นไฟล์ Xvid บนเครื่องคอมพิวเตอร์ท่านจะต้องติดตั้ง Xvid Decoder ซึ่งหาได้ตามเว็บไซต์ทั่วไปเช่นกัน

ไฟล์ DivX

จะมีนามสกุลเป็น .avi หรือ .divx แต่ไฟล์ .avi ไม่จำเป็นต้องเป็นไฟล์ DivX เสมอไป ข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งระหว่างไฟล์ DivX กับ avi ธรรมดาก็คือ ไฟล์ DivX สามารถเล่นพร้อมกับเลือกแสดง Subtitle ได้ หลายภาษา โดยปรับที่ Remote Control บนเครื่องเล่น dvd หรือ หากท่านใช้โปรแกรมเช่น Windows Media Player เล่นไฟล์ประเภทนี้ ท่านอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรม แสดง subtitle เพิ่มเติม เช่นโปรแกรม Direct Vobsub เพื่อให้ subtitle ปรากฏไปพร้อมๆกับการรับชมภาพยนตร์ด้วย

ไฟล์ 3GP

ใครมีมือถือคงต้องรู้จัก 3gp แน่ๆ เพราะเป็นไฟล์วิดีโอที่สามารถเปิดดูได้จากโทรศัพท์มือถือทั่วไป ซึ่งไฟล์ประเภทนี้เป็นไฟล์วิดีโอที่มีขนาดเล็กกว่าไฟล์วิดีโอทั่วไป เพราะด้วยข้อจำกัดของการเปิดดูจำเป็นต้องดูจากโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ทำให้ต้องถูกบีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็ก และสิ่งที่ตามมาก็คือ เมื่อขนาดไฟล์เล็กแล้ว คุณภาพของภาพก็ต้องด้อยลง

แต่หากใครไปดาวน์โหลดไฟล์ 3gp จากอินเทอร์เน็ตแล้วจะมาเปิดดูในคอมพิวเตอร์ โปรแกรมดูหนังทั่วไปไม่สามารถเปิดได้ ต้องใช้โปรแกรม Nokia Multimedia Player หรือไม่ก็ต้องไปดาวน์โหลดโปรแกรมจากอินเทอร์เน็ตมาเปิดดู

ไฟล์ MKV

ไฟล์ประเภทนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไร แต่ถ้าเป็นคนที่ท่องอินเทอร์เน็ตจริงๆ ต้องเคยเจอกันบ้าง ซึ่งไฟล์ประเภท MKV มีรูปแบบคล้ายๆ กับ MP4 หรือ AVI ที่สามารถบรรจุภาพ และเสียง พร้อม subtitle ให้อยู่ในไฟล์เดียวได้ ซึ่งคุณภาพของภาพและเสียงไม่แตกต่างกันเลย แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ MKV เป็นไฟล์แบบ Open Source ที่นักพัฒนาทั่วไปสามารถช่วยพัฒนาต่อยอดให้ไฟล์นี้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ไฟล์ FLV

หากใครชอบดูวิดีโอผ่านเว็บคงคุ้นเคยกันบ้าง เพราะเป็นไฟล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบนเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอผ่านเว็บไซต์ ซึ่ง FLV คือไฟล์วิดีโอที่ถูกสร้างจากโปรแกรม Macromedia Flash เป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็ก แต่คุณภาพดีกว่าไฟล์ 3gp สามารถเปิดดูได้จากโปรแกรม Flash Player หรือ QuickTime จากแอปเปิ้ลก็ได้ ทำให้หลายเว็บนิยมแปลงไฟล์ให้เป็น FLV เพื่อง่ายต่อการชมผ่านเว็บไซต์